พุกามกับมัณฑะเลย์เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากที่สุดในเมียนมาร์ เพราะทั้งสองเมืองมีความพิเศษสมคำเล่าลือที่ไม่มีใครปฏิเสธได้
พุกาม – ดินแดนแห่งเจดีย์วัดของเมียนมาร์ที่มีเจดีย์วัดมากกว่า 2,000 องค์ด้วยกัน เขตโบราณสถานในพุกามเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่สามารถมองเห็นเจดีย์วัดอันหลากหลายทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9 ถึงศตวรรษที่ 13 เริ่มแรกพุกามมีเจดีย์วัดมากถึง 10,000 องค์ แต่ละแห่งมีความมหัศจรรย์ทางโบราณคดีแตกต่างกันไป เมื่อเวลาผ่านไปและสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้ปัจจุบันเหลือเจดีย์วัดเพียง 2,000 องค์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจดีย์วัดเหล่านี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเพื่อรักษาและอนุรักษ์ประวัติศาสตร์อันยาวนานของอารยธรรมพุกาม
ทัวร์เจดีย์วัดพุกาม
เหตุผลที่ผู้คนมาเยี่ยมชมพุกาม – ความสงบร่มรื่นโดยรอบบริเวณขององค์เจดีย์ และทิวทัศน์ที่งดงามของโบราณสถาน ทำให้ไม่สามารถเที่ยวชมเจดีย์วัดทั้งหมดได้ภายในเวลาหนึ่งถึงสองวัน ดังนั้นควรจัดรายการท่องเที่ยวตามลำดับความสำคัญในการเที่ยวชม เริ่มจากเจดีย์วัดที่สำคัญและน่าประทับใจอย่างยิ่ง คือวัดอนันดา เจดีย์ชเวซิกอง วัดธรรมะยานจี เจดีย์วัดสุลามณี เจดีย์วัดทัตบินญู
ความตื่นเต้นท้าทายที่รอคอยอยู่
ถ้าได้เคยท่องเที่ยวเจดีย์วัดจากการนั่งรถยนต์ปรับอากาศที่สะดวกสบายเมื่อไปเยี่ยมชมดินแดนต่าง ๆ นั้น เตรียมสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ในพุกามได้เลย การท่องเที่ยวในพุกามมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย นอกเหนือจากการเยี่ยมชมเจดีย์วัดต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถที่จะเพลิดเพลินกับการนั่งบอลลูนลมร้อนในยามรุ่งสางเพื่อได้ชื่นชมแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ขึ้นผ่านความมืด นับเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างมาก การได้เห็นเจดีย์วัดจากมุมสูงท่ามกลางยอดไม้อันหนาทึบ ท้องฟ้าสีหม่นจะเปลี่ยนเป็นสีส้มจากแสงแรกของดวงอาทิตย์และต้นไม้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งของเช้าวันใหม่ รวมทั้งการผสมผสานของเมฆกับแม่น้ำอิระวดีอันยิ่งใหญ่ที่ลดเลี้ยวตามแนวชายฝั่งเป็นการเริ่มของเช้าวันใหม่ที่ยากจะลืมเลือน
อีกวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเที่ยวชมเจดีย์วัดคือการท่องเที่ยวด้วยรถจักรยานไฟฟ้า แม้จะเป็นการท่องเที่ยวตามเส้นทางที่เป็นหลุมบ่อ แต่ยังสามารถขับรถจักรยานไฟฟ้าชมโดยรอบขององค์เจดีย์ที่มีอายุมากกว่าร้อยปีได้ทุกหนทุกแห่ง สามารถหยุดพักได้ทุกที่และทุกเวลาเพื่อแวะเติมความสดชื่นด้วยชาสักถ้วยตามแผงขายชาริมถนน ก่อนที่จะออกเดินทางเพื่อไปเยี่ยมชมเจดีย์วัดอื่น ๆ ต่อไป การเที่ยวชมเจดีย์วัดด้วยจักรยานไฟฟ้า เป็นอีกประสบการณ์ที่ตื่นเต้นท้าทายและให้ความสะดวกสบายในการเดินทางท่องเที่ยวอีกด้วย
วิถีชีวิตท้องถิ่น
พุกามไม่ได้เป็นเพียงเมืองโบราณสถานเท่านั้น ยังมีเมืองใหม่เกิดขึ้นทางทิศตะวันตกที่เรียกว่าเมืองพุกามใหม่ และทางทิศเหนือเป็นที่ตั้งของเมืองเนียงอู ทั้งสองเมืองพลุกพล่านไปด้วยผู้คนและตลาดสดที่คึกคักด้วยผลิตผลทางการเกษตรจากฟาร์ม รวมทั้งสินค้าท้องถิ่น พุกามยังเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการทอผ้าฝ้าย จุดศูนย์รวมหรือที่เรียกว่าปวาซอ โดยคนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของตัวเมืองพุกามและในหมู่บ้านมินนันทูที่อยู่ใกล้เคียง การเที่ยวชมสถานที่เหล่านี้ทำให้เข้าใจถึงกระบวนการผลิตและความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมการทอฝ้ายทั้งหมด จะได้เห็นตั้งแต่การผลิตว่าเริ่มจากเส้นฝ้ายที่มาจากฝ้ายดิบ และนำไปทอเป็นผ้าด้วยเครื่องทอโดยช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างไร กระบวนทั้งหมดนี้ทำด้วยมือทั้งสิ้น และสินค้ายอดนิยมอีกอย่างคือเครื่องเขินของพุกาม ที่มีการสาธิตให้เห็นถึงการผลิตเครื่องเขินในโรงงาน จะได้เห็นกระบวนการเคลือบ การทำให้แห้ง และการขึ้นรูปโดยใช้กรอบของไม้ไผ่สาน
จากนี้จะเดินทางไปยังเมืองใหญ่อันดับสามและเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นของประเทศ คือเมืองมัณฑะเลย์ เป็นการท่องเที่ยวครั้งประวัติศาสตร์ของเมืองดั้งเดิมที่ผสมผสานความทันสมัยได้อย่างน่าชื่นชมแห่งนี้
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าชื่นชม
มัณฑะเลย์มีสถานที่ให้ท่องเที่ยวมากมายจึงควรค่าแก่การพำนักสักสองสามวัน การปีนเขามัณฑะเลย์ในช่วงพระอาทิตย์ตกดินเพื่อชื่นชมเจดีย์วัดที่สวยงามรอบ ๆ เนินเขาและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพแบบพาโนรามา เป็นที่ยอมรับว่า มัณฑะเลย์มีเจดีย์วัดที่สวยที่สุดในประเทศอีกด้วย ที่เจดีย์กุโสดอร์มีพระไตรปิฎกที่ใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 729 หน้าประดิษฐานด้วยความเคารพบูชาอย่างสูง ส่วนที่เจดีย์สัณฑมุนีมีพระพุทธรูปเหล็กที่ใหญ่ที่สุด สร้างด้วยเหล็กหนักกว่า 18,597 กิโลกรัม องค์พระพุทธรูปปิดด้วยทองคำอีกหนึ่งชั้น และยังมีพระพุทธรูปหินอ่อนอีกองค์หนึ่งที่มีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่เจดีย์จ๊อกตอจี ซึ่งแกะสลักจากหินสีเขียวอ่อนทั้งก้อน สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งคือ พระราชวังมัณฑะเลย์ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองอย่างภาคภูมิใจและได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้ว สามารถเข้าเยี่ยมชมเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของราชวงศ์ และจะตื่นตาตื่นใจกับบัลลังก์อันเคยรุ่งเรืองที่ซึ่งกษัตริย์หลายพระองค์ทรงเคยประทับต่อเนื่องมา ส่วนของพระราชวังใช้เวลาประมาณครึ่งวันในการเที่ยวชม
มีเมืองเล็ก ๆ หลายแห่งที่อยู่ใกล้มัณฑะเลย์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้มค่ากับการเดินทางเที่ยวชม เริ่มจากมุ่งหน้าไปยังเมืองอมรปุระเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมของคนท้องถิ่นที่นั่น การเดินเล่นบนสะพานอูเบ็งที่สร้างด้วยไม้สักเก่าแก่และมีความยาวที่สุดในโลก ส่วนผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากสภาพอากาศร้อนอบอ้าวสามารถเยี่ยมชม ปยีน อู ลวีน เมืองที่อยู่บนเนินเขาสไตล์อังกฤษที่แปลกตาไปอีกแบบจนทำให้หลงลืมความร้อนอบอ้าวโดยรอบได้ในขณะหนึ่ง ที่นี่มีระดับความสูงถึง 1,070 เมตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสวนพฤกษชาติที่อุดมสมบูรณ์และเป็นจุดแวะพักอันร่มรื่นอากาศเย็นสบาย พร้อมทั้งถ่ายภาพบ้านชนบทสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นมรดกจากยุคอาณานิคมมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังมี ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่สะกายเป็นทางเลือกเพิ่มเติมอีกด้วย
ที่สุดของงานศิลปะ
มัณฑะเลย์เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรม เป็นที่รวมของศิลปินที่เก่งที่สุดในโลก การเยี่ยมชมสถานที่แกะสลักหินที่ตั้งอยู่ใกล้กับเจดีย์มหามุนี เพื่อชมการแกะสลักหินของนักแกะสลักที่ตั้งอกตั้งใจทำงานด้วยฝีมือทางศิลปะชั้นเยี่ยม ทำให้เห็นถึงงานแกะสลักที่ยากและซับซ้อนที่สุดนั้นแกะสลักบนแผ่นหินอย่างไร ในเมืองยังมีสถานที่แกะสลักงานไม้และงานหล่อสัมฤทธิ์ เดินทางไปยังหมู่บ้านยานดาโบที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี เพื่อชมช่างปั้นหม้อ 30 ถึง 50 ใบต่อวัน ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือการทำงานอย่างคล่องแคล่วในการปั้นดินเผาชั้นเลิศนั่นเอง
การวางแผนสำหรับท่องเที่ยวในเมียนมาร์ จะทำให้ไม่พลาดการเที่ยวชมพุกามและมัณฑะเลย์อย่างครบถ้วนและเต็มไปด้วยความประทับใจ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางระหว่างสองเมืองนี้โดยรถยนต์ ยังมีอีกการเดินทางที่น่าสนใจเพื่อไปยังพุกามกับมัณฑะเลย์โดยการใช้บริการเรือเฟอร์รี่ประจำวันที่เดินเรือในแม่น้ำอิระวดีระหว่างพุกามและมัณฑะเลย์ ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และเป็นการเดินทางผ่านใจกลางประเทศเมียนมาร์นับเป็นอีกหนึ่งของประสบการณ์ที่ดี เรือเฟอร์รี่จะผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ ทำให้เห็นวิถีชีวิตท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นชาวประมงกำลังตกปลาในตอนกลางวัน เกษตรกรที่กำลังยุ่งอยู่กับการงานในสวนผัก หญิงชาวบ้านกำลังซักและตากผ้าที่ริมฝั่งแม่น้ำ ได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศเมียนมาร์ระหว่างการเดินทางบนเรือ เส้นทางนี้เป็นนับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง ทำให้มีโอกาสได้เห็นว่าแม่น้ำอิระวดีอันยิ่งใหญ่นี้มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คนหลายพันคนมากมายอย่างไร