10 อาหารเมียนมาร์ที่ต้องลิ้มลอง

เมียนมาร์กำลังจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวใฝ่หาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่อง จากความใหม่สดของสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวมากนัก คาดว่าจะเริ่มเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น เนื่องจากประเทศเริ่มเป็นที่รู้จักในระดับโลก เจดีย์วัดที่สวยงามเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะยังมีธรรมชาติที่น่าทึ่ง กลุ่มชาติพันธุ์ที่แปลกใหม่ เทศกาลที่มีสีสัน และที่แน่นอนคืออาหารเมียนมาร์ ปัจจุบันอาหารในเมียนมาร์ยังไม่เป็นที่รับรู้เท่าที่ควร แต่เมื่อนักท่องเที่ยวที่ได้ลิ้มลองอาหารของเมียนมาร์แล้วต่างยอมรับในความอร่อยของรสชาดอาหารว่าเกินความคาดหมาย เอกลักษณ์ของอาหารในเมียนมาร์ต่างจากอาหารในที่อื่น ๆ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดียและอาหารจีน พร้อมกับการพัฒนารูปแบบและรสชาดตามวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของชาวเมียนมาร์ นักท่องเที่ยวจะรู้สึกทึ่งกับรสชาดที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์หลังจากที่ได้ลิ้มลองแล้ว การรับประทานอาหารเมียนมาร์ไม่ได้เป็นเพียงการลิ้มลองรสชาดเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความอบอุ่นและความทุ่มเทที่ใส่ใจในปรุงอาหารทุกจานด้วยภูมิปัญญาที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน ละเพะโตะ เป็นอาหารเมียนมาร์ที่ขึ้นชื่อในการใช้ใบชาประกอบอาหาร เรียกว่ายำใบเมี่ยง หรือยำใบชา จัดเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย และยังเป็นอาหารว่างที่ขึ้นชื่ออีกด้วย มีรสขมเล็กน้อยเข้ากันได้ดีกับซอสท้องถิ่นรสเปรี้ยว ประกอบด้วยมะเขือเทศ กะหล่ำปลี มะนาว และซอสหวาน โรยด้วยถั่ว นักท่องเที่ยวต่างชื่นชอบในรสชาดของละเพะโตะ โมฮิงกา ชาวบ้านนิยมทานโมฮิงกาเป็นอาหารมื้อเช้า น้ำซุปปลากับเส้นแป้งสีขาวที่คล้ายเส้นขนมจีนของไทยอาจมองดูแปลก ๆ ตาเมื่อแรกเห็น แต่เมื่อลิ้มลองอาหารจานนี้จะประทับในรสชาดและกลิ่นหอมของถั่วลูกไก่ ขมิ้น และตะไคร้อย่างมาก Read More …

เรื่องราวของเจดีย์ชเวดากอง

เจดีย์ชเวดากองที่เหลืองอร่ามเรืองรองด้วยสีทองเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในย่างกุ้ง นับเป็นเมืองหลวงแห่งการค้าของเมียนมาร์ การกล่าวว่าเจดีย์นี้มีความงดงามตระการตาดูจะเป็นการกล่าวอ้างที่น้อยเกินไป เพราะเจดีย์ชเวดากองแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของเมียนมาร์ที่มีมายาวนานหลายต่อหลายศตวรรษ ผู้คนนับล้านในเมียนมาร์และชาวต่างชาติต่างยกย่องให้เป็นสถานที่ทรงคุณค่าเปรียบเสมือนมงกุฎของประเทศ นอกจากจะถูกจัดให้เป็นหนึ่งในมรดกของย่างกุ้งแล้ว เจดีย์ชเวดากองยังเป็นอนุสาวรีย์ทางพุทธศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญอย่างยิ่งในเมียนมาร์ จัดเป็นหนึ่งในพุทธเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ประดิษฐานพระบรมเกศาธาตุ(เส้นผม)ของพระพุทธเจ้าไว้ในส่วนกลางขององค์เจดีย์ องค์เจดีย์นี้มีสถาปัตยกรรมโครงสร้างที่โดดเด่นจากการถูกปิดด้วยแผ่นทองคำทั้งองค์ และส่วนด้านบนเจดีย์ประดับด้วยเพชรมากกว่า 4,000 เม็ด เจดีย์นี้จึงไม่ได้เป็นเพียงก้อนอิฐของโครงสร้างทองคำเท่านั้น องค์เจดีย์ทั้งหมดมีทางเข้าออกสี่ทางที่แยกออกจากกัน และมีระเบียงทางเดินที่พระสงฆ์เท่านั้นสามารถเดินได้ ประชาชนต่างพากันมาบริจาคทองเพื่อสมทบทุนบำรุงรักษาเจดีย์อย่างต่อเนื่องเสมอมา เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของเจดีย์ ตามที่นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า เจดีย์ชเวดากองถูกสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 6 ถึงศตวรรษที่ 10 โดยชาวมอญ อย่างไรก็ตาม มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมากล่าวไว้ว่าเจดีย์ถูกสร้างขึ้นมากว่า 2,600 ปีหลังจากมีเหตุการณ์ที่พ่อค้าสองคนพี่น้อง คือตปุสสะและภัลลิกะได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในช่วงพระองค์ยังทรงพระชนชีพและได้รับพระเกศามาจำนวนแปดเส้น เมื่อสองพี่น้องกลับมาถึงเมียนมาร์ ได้เก็บพระเกศาธาตุนี้ไว้ในผอบทองพร้อมกับพระธาตุอื่น ๆ ในเนินเขาสิงคุตระ เรื่องยังเล่าต่อว่าเมื่อเจ้าเมืองพระเจ้าโอ๊กกะละปะเปิดผอบก็บังเกิดปาฏิหาริย์ แสงสว่างส่องประกายไปทั่วทั้งแผ่นดินรวมถึงสวรรค์และนรก วิญญาณของผู้คนได้รับการปลดปล่อย คนตาบอดกลับมองเห็นอีกครั้ง คนหูหนวกเริ่มได้ยินเสียง คนใบ้เริ่มพูดได้อย่างชัดเจน จากเหตุการณ์อันปาฏิหาริย์เหล่านี้ เจ้าเมืองจึงทรงตัดสินพระทัยสร้างเจดีย์นี้ขึ้น Read More …