เนื่องจากแม่น้ำอิระวดีเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลจากเหนือจรดใต้และเป็นประตูสู่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำของมหาสมุทรในประเทศเมียนมาร์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติและความมีชีวิตชีวาที่น่าตื่นตาตื่นใจของเอเชีย ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม แฟชั่น อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวในเมียนมาร์เป็นอีกจุดหมายของการท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด

เมียนมาร์เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษมานานกว่าร้อยปี เป็นสนามรบระหว่างอังกฤษกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นประเทศที่รอดพ้นจากการรุกรานของจีนถึง 4 ครั้งตลอดประวัติศาสตร์ เมียนมาร์จึงเป็นประเทศที่ได้ผ่านความผันผวนมามากมายพอสมควร แม้กระทั่งทุกวันนี้ ยังคงมีการเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของชาวเมียนมาร์ จึงจะไม่ขอกล่าวถึงในกรณีนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความพิเศษของประเทศที่เต็มไปด้วยมรดกอันทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมทำให้ประเทศเมียนมาร์ยังคงมีมนต์เสน่ห์ในสายตานักท่องเที่ยว ชุดพื้นเมืองลองยียังคงสวมใส่กันทั้งชายและหญิง แม้กระทั่งในเมือง ลองยีเป็นผ้าโสร่งที่นุ่งได้ทุกวัยทั้งชายและหญิงสวมใส่ได้หลายรูปแบบ การทาหน้าด้วย ‘ทานาคา’ สีนวลสดใสจากเปลือกไม้ เพื่อป้องกันแสงแดดและบำรุงผิวเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าชื่นชม

ย่างกุ้ง

เมืองย่างกุ้งอาจไม่สะดุดตาในตอนแรกเท่าไหร่นัก แต่เมื่อได้นั่งหรือขับรถจากสนามบินมายังใจกลางเมืองและได้เห็นเจดีย์ชเวดากองที่ตั้งโดดเด่นอยู่ทางขวามือ จะทำให้เปลี่ยนใจอย่างรวดเร็วว่าย่างกุ้งเป็นสถานที่ที่น่าค้นหาเต็มไปด้วยสิ่งแปลกใหม่ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ประสบการณ์ประทับใจขณะที่อยู่ในย่างกุ้งกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเมียนมาร์

ทัวร์มรดก

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทำความรู้จักกับย่างกุ้งคือการเดินเที่ยวชมเมือง และเหนือสิ่งอื่นใดขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้เริ่มต้นการเดินเที่ยวด้วยทัวร์มรดกของเมืองที่จัดโดย Yangon Heritage Trust เป็นองค์กรที่ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอาคารเก่าจากการถูกรื้อถอน ส่วนหนึ่งของรายได้มาจากค่าบริการทัวร์ของนักท่องเที่ยว  โดยจะได้รับรู้ข้อมูลและความรู้มากมายที่ช่วยให้เข้าใจประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ได้อย่างลึกซึ้ง มีอาคารมรดกมากกว่า 2,000 แห่งในเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของย่างกุ้งอยู่มากมาย แม้จะปกคลุมไปด้วยวัชพืชที่ขึ้นรกแต่กลับทำให้ราวกับว่ายังคงสภาพเดิมเหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อน

สถานที่จะได้ชมเมื่อเดินทัวร์ในย่างกุ้ง

การเดินทัวร์จากสวนสาธารณะมหาบันดูลา ทำให้เห็นทัศนียภาพ 360 องศาของเมืองย่างกุ้งที่หาจากที่ไหนไม่ได้ จากจุดนี่จะเห็นเส้นขอบฟ้าสูงตระหง่านของเมืองใหม่ พร้อมกับอนุสาวรีย์ทางศาสนาและอาคารยุคอาณานิคมในเวลาเดียวกัน หากมองจากด้านบนของสวนสาธารณะ จะสังเกตเห็นเสาของอนุสาวรีย์ที่อยู่ตรงกลางสวนสาธารณะสร้างเป็นรูปดาวแสดงธงชาติเก่าของเมียนมาร์

ศาลากลาง : มองเห็นได้จากสวนสาธารณะมหาบันดูลา อาคารหลังนี้เดิมได้รับการออกแบบในสไตล์อังกฤษ แต่ในขั้นสุดท้าย ได้มีการออกแบบเพิ่มเติมเพื่อแสดงเอกลักษณ์ของเมียนมาร์ ได้แก่ หลังคาฉัตรและซุ้มประตูแทนแนวเสา ทำให้เป็นอาคารที่มีงานศิลปะผสมผสานและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ถนนเบนโซเลน : เป็นจุดแวะชมสถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมในปี พ.ศ.2463 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม จะได้เห็นอาคารของการท่าเรือแห่งเมียนมาร์ เรือทุกลำจะผ่านที่นี่แสดงให้เห็นว่าเมียนมาร์เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าของอาณานิคมมายาวนาน

ศาลแขวง : อาคารโบสถ์ฝรั่งในสไตล์ฟลอเรนซ์แห่งนี้ ยังคงถูกใช้เป็นสำนักงานของหน่วยงานราชการ แม้จะได้รับความเสียหายจากระเบิดในสงครามและยังไม่ได้รับการซ่อมแซมก็ตาม หน้าต่างหลายบานขาดหายไป และที่น่าทึ่งเป็นอย่างมากคือต้นไม้ที่เติบโตขึ้นเหนืออาคารนี้ รวมถึงหอคอยด้านหลังที่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมกลับเพิ่มเสน่ห์ให้กับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก

การเดินเที่ยวชมรอบเมืองเป็นลักษณะวงกลมเริ่มต้นที่สถานีรถไฟกลางย่างกุ้ง ที่มีสถาปัตยกรรมโครงสร้างอาคารที่น่าประทับใจ ระหว่างการเดินไปที่สถานีรถไฟจะผ่านเจดีย์หลายแห่ง และจะได้พบเห็นสิ่งที่น่าสนใจก่อนที่จะขึ้นรถไฟเสียอีก เนื่องจากวิถีชีวิตประจำวันของชาวเมียนมาร์เริ่มต้นภายในสถานีเลย

เมื่อซื้อตั๋วที่ชานชาลาแล้วเผื่อใจไว้กับตารางเดินรถของเมียนมาร์ที่ไม่เป็นไปตามกำหนดเวลาตามตาราง ดังนั้นเมื่อรถไฟมาถึงจะพบว่ามีความโกลาหลอยู่พอสมควรเป็นความท้าทายอีกรูปแบบหนึ่งไปพร้อมกับผู้คนอื่น ๆ

เจดีย์ชเวดากอง : หนึ่งในเจดีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นที่ประดิษฐานพระบรมเกศาธาตุ(เส้นผม)ของพระพุทธเจ้าอยู่ในส่วนกลางขององค์เจดีย์ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 6 เป็นสถานที่ที่สงบร่มรื่นที่มีเพียงเสียงระฆังและเสียงน้ำไหล จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังที่สุดในเมียนมาร์

เมืองพุกาม

พุกามเป็นสถานที่พิเศษจริงๆ เมื่อกล่าวถึงเมียนมาร์ พุกามมักจะถูกกล่าวถึงด้วยเสมอ จากภาพถ่ายที่กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงความสวยสดงดงามของธรรมชาติ

ทัศนียภาพของเมืองพุกามจากมุมสูงบนบอลลูนลมร้อน ทำให้เห็นเจดีย์วัดกว่า 20,000 องค์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ทำให้พุกามเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดที่น่าท่องเที่ยวในเมียนมาร์

หากรักการถ่ายภาพ ที่นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ถ่ายภาพที่สวยงามและน่าทึ่งแห่งหนึ่งของโลก ภาพที่ได้จะราวกับหลงทางในวงกตของวัดวาที่เต็มไปด้วยโบราณสถานและสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์

บัตรและค่าธรรมเนียม: ค่าบัตร 27,000 จ๊าดหรือประมาณ 20 ดอลลาร์ หาซื้อได้ที่สนามบินเพื่อเข้าชมเขตโบราณสถาน ที่นั่นนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมเจดีย์วัดได้ตามอัธยาศัย  มีตู้เอทีเอ็มที่สนามบินพุกามไว้คอยบริการเพื่อความสะดวกอีกด้วย

วัดสุลามณี วัดอิฐสีแดงถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 12 ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในพุกาม เนื่องจากมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังภายในที่วิจิตรและงดงามอย่างยิ่ง ยังมีแผงขายของที่ระลึกมากมายรายรอบวัดอีกด้วย

วัดธรรมะยานจี วัดที่ใหญ่ที่สุดในพุกามมีสถาปัตยกรรมงานอิฐที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเคารพเลื่อมใสในพุทธศาสนาของผู้คน การออกแบบมีความสวยงามคล้ายกับปิรามิดแห่งเมโสอเมริกา เมื่อได้เที่ยวชมสถานที่แห่งนี้พอสมควรแล้ว แนะนำให้เดินออกมานอกวัดระยะหนึ่ง เมื่อหันกลับมาจะเห็นอีกมุมหนึ่งของวัดที่งดงาม

เมืองมัณฑะเลย์

Orwell และ Kipling และบทเพลงมากมายที่กล่าวถึงเมืองมัณฑะเลย์ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้คนรู้จักเมืองนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถทำกิจกรรมอะไรได้บ้างเมื่อมาเที่ยวที่เมืองนี้ ทำให้เสน่ห์และความน่าสนใจของเมืองลดทอนลงอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ดี การแวะเที่ยวเมืองมัณฑะเลย์ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างท่องเที่ยวในเมียนมาร์ นับเป็นอีกหนึ่งในเมืองที่ดีที่สุดและควรค่าแก่การเที่ยวชม แม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม อีกสถานที่หนึ่งที่ควรไปคือสะพานอูเบ็ง เป็นสะพานที่น่าทึ่งแห่งหนึ่งในเอเชีย

สะพานอูเบ็ง ถ้าคุณจะไปเที่ยวที่ใดที่หนึ่งในมัณฑะเลย์ ก็ขอให้เป็นที่นี่เถิด เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ทอดยาวผ่านทะเลสาบตองทะมานกว่า 1.2 กิโลเมตร มีอายุมากกว่า 200 ปี กล่าวได้ว่า สะพานอูเบ็งเพียงแห่งเดียวก็นับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเมียนมาร์แล้ว

นอกจากนี้ ยังจะเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์สองข้างทางของสะพานอีกด้วย ไม่ว่าจะเดินข้ามสะพานตลอดระยะทางเพื่อชมวิวที่สวยงาม จะต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้ลื่นพลัดตกจากสะพานเนื่องจากไม่มีราวกั้นแต่อย่างใด จึงค่อนข้างน่าหวาดเสียวพอสมควรในเวลาพลบค่ำ หรือจะนั่งเรือพายที่มีสีสันสดใสออกไปยังทะเลสาบ ค่าเช่าเรือประมาณ 20,000 จ๊าด ซึ่งนั่งได้สี่คน จะได้เห็นวิวจากบนเรือที่สวยงามมาก

เจดีย์กุโสดอร์ เจดีย์สีทองที่น่าตื่นตาตื่นใจรายล้อมด้วยมณฑปสีขาวหลายร้อยองค์ด้วยกัน แต่ละมณฑปมีแผ่นหินอ่อน รวมทั้งหมด 726 แผ่น ที่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าจารึกไว้ นับเป็นสถานที่น่าทึ่งอีกแห่งหนึ่ง และเมื่อได้ไปเยี่ยมชมเจดีย์หลายแห่งในมัณฑะเลย์มาแล้วนั้น ขอสารภาพว่าที่นี่เป็นสถานที่หนึ่งที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ถ่ายภาพลูกแมวแทนที่จะเที่ยวชมเจดีย์แต่ก็นับว่าคุ้มค่า สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่นิยมสำหรับการถ่ายภาพงานแต่งงาน ดังนั้นอาจจะได้พบเห็นคู่บ่าวสาวที่กำลังถ่ายรูปอย่างมีความสุขอีกด้วย

วัดชเวนันดอ วัดที่ถูกสร้างขึ้นจากไม้ได้อย่างน่าอัศจรรย์พร้อมกับงานแกะสลักที่วิจิตรบรรจง ทำให้เพลิดเพลินกับการเที่ยวชมและถ่ายรูปเป็นอย่างมาก วัดยังอยู่ไม่ไกลจากเจดีย์สัณฑมุนีอีกด้วย ผลงานการก่อสร้างของวัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของวัดไม้แบบดั้งเดิมในสมัยศตวรรษที่ 19 ของเมียนมาร์ และยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังหลวงของเมียนมาร์อีกด้วย ที่นี่เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่โปรดปรานที่สุดและเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการเที่ยวชมเมียนมาร์

ทะเลสาบอินเล

ทะเลสาบอินเลตั้งอยู่ในรัฐฉาน หนึ่งในภูมิภาคที่งดงามและดินแดนที่เต็มไปด้วยภูเขาของประเทศ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,000 ฟุตและให้ความรู้สึกราวกับได้ก้าวเข้าสู่ภาพวาดสมัยดั้งเดิมที่ไม่เคยสัมผัสกับความทันสมัยมาก่อน ที่นี่จะเดินทางโดยเรือเป็นส่วนใหญ่ มีคลองผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ เรือนแพกับไม้ค้ำถ่อ ฟาร์มน้ำ และแนวเทือกเขาที่อยู่ด้านหลังเป็นทิวทัศน์ที่พบเห็นได้ทั่วไป เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่โดดเด่นงดงามและร่มรื่นที่สุดในเมียนมาร์

ทะเลสาปแห่งนี้ ยังเป็นที่อยู่อาศัยของชาวฉานอีกด้วย สังเกตได้จากเสื้อผ้าเนื้อหนาที่ชาวบ้านสวมใส่จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในส่วนนี้ของประเทศ สีสันที่สดใสและวิถีชีวิตเป็นแบบดั้งเดิมด้วยงานฝีมือ เช่น การทอผ้าใยบัว การตกปลา และการทำฟาร์ม เป็นเอกลักษณ์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น และยังจะได้พบกับครอบครัวที่ใช้ผ้าทอแบบเฉพาะเพื่อจับปลาบางชนิด ทำให้มีเพียงพวกเขาที่สามารถจับปลาชนิดนี้ได้ ไม่ควรพลาดตลาดน้ำเรือยาวที่จำหน่ายเสื้อผ้าท้องถิ่นเหล่านี้ ในปลายเดือนกันยายนของทุกปีจะมีการแข่งเรือ เนื่องจากการพายเรือด้วยเท้าที่แปลกตาและมีการฝึกกันเฉพาะในส่วนนี้ของประเทศเท่านั้น การชมการแข่งเรือที่นี่จึงไม่เพียงแต่สนุกสนานอย่างน่าสนใจ ยังเป็นโอกาสที่จะได้เห็นการฝึกฝนการพายเรือด้วยเท้าอันเป็นเอกลักษณ์นี้ได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย