Myanmar เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมอันมั่งคั่งหลากหลาย หากท่านกำลังมองหาโอกาสในการรับประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมของประเทศ เราขอสัญญาว่าเราจะทำให้ท่านมีความสุข Myanmar มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่โดดเด่นถึง 135 กลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งมีวัฒนธรรมและประเพณีนิยมของตนเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากทุกสิ่งที่กลุ่มชาติพันธุ์ปฏิบัติ: อาหาร, การแต่งกาย, ศรัทธา, อาชีพและอีกมากมาย เรายินดีต้อนรับเพื่อให้ท่านสามารถเพลิดเพลินไปกับความหลากหลายของประเพณีนิยมของ Myanmar

มาเยือนที่นี่ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีนิยมของประเทศของเรา เรามาสร้างความผูกพันที่มั่งคงยืนยาวไปด้วยกัน

พิธีบรรพชาสามเณร

พิธีส่วนใหญ่จะจัดขึ้นก่อนเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม และในช่วงวันหยุดฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม การบรรพชาเป็นสามเณรต้องผ่านสามขั้นตอนคือ - การปลงผม, สวมจีวรและศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า ผู้ปกครองซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนใน Myanmar เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานในนรกขุมโลกันต์หากลูกชายของพวกเขาได้บรรพชาเป็นสามเณรอย่างน้อยสักครั้งในชีวิตของพวกเขา

ร่ม PATHEIN

ร่ม Pathein ที่สวยงามและเปี่ยมด้วยสีสันเป็นสัญลักษณ์ของความงดงามของหญิงสาวชาว Myanmar ตัวร่มทำจากผ้าฝ้าย, ผ้าไหมพร้อมภาพวาดรูปดอกไม้ที่สวยงามเปี่ยมด้วยรสนิยม ด้ามและโครงร่มทำจากไม้ไผ่ซึ่งสามารถหาได้จากเทือกเขา Rakhine Yoma ใกล้กับเมือง Pathein

ศิลปะการปั้นเครื่องปั้นดินเผา

เครื่องปั้นดินเผาถือเป็นงานฝีมือชิ้นแรกสุดในประวัติศาสตร์ของอารยธรรมมนุษย์ เป็นเวลากว่า 2,000 ปีที่ชาว Myanmar ได้ใช้เครื่องปั้นดินเผาในการจัดเก็บและปรุงอาหาร หม้อขนาดต่างๆ สามารถทำขึ้นได้ในราคาที่ไม่แพงและมีประโยชน์มากมายหลายด้านแม้ว่าจะมีความบอบบางก็ตาม ในปัจจุบัน โรงงานเครื่องปั้นดินเผาที่สำคัญใน Myanmar นั้นตั้งอยู่ในเมืองริมฝั่งแม่น้ำ

การแต่งกายตามจารีตประเพณี

Longyi คือ ชุดแต่งกายพื้นเมืองของชาว Myanmar ซึ่งเหมาะสำหรับสภาพอากาศเขตร้อนชื้นของ Myanmar ผ้ายาวอเนกประสงค์ที่ใช้พันรอบตัวนี้ใช้สวมใส่ตามที่ปฏิบัติกันมากันทั้งชายและหญิงโดยมีคุณสมบัติแตกต่างอย่างชัดเจนแยกจากกันของทั้งสองเพศ Longyi ที่ผู้ชายสวมใส่จะเรียกว่า Paso แต่หากสวมใส่โดยเพศหญิงจะเรียกกันว่า Htamein Paso นั้นมักเป็นผ้าลายทางยาวหรือผ้าตาหมากรุกและยังสามารถสวมสลับด้านได้ขณะที่ Htamein มาพร้อมการออกแบบที่มีสีสันและลายดอกไม้ที่นับไม่ถ้วน

ร้านน้ำชา

ท่านจะพบกับร้านน้ำชาในทุกมุมถนนในประเทศ Myanmar ชาเป็นเครื่องดื่มทั่วไปสำหรับคนในพื้นที่และท่านต้องลิ้มลองรสชาติเมื่อท่านอยู่ใน Myanmar ชาแบบดั้งเดิมนั้นมาจากส่วนผสมที่มีพลังของใบชาสีดำอันเข้มข้นผสมกับนมข้นและนมข้นหวานและมีรสชาติที่อร่อย

THANAKA

Thanaka คือ แป้งที่เป็นเครื่องสำอางค์สีขาวอมเหลืองทำจากเปลือกไม้ ท่านจะได้พบคนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงและเด็กผู้หญิงใช้ Thanaka ผัดหน้าและแขนกันอย่างแพร่หลาย ข้ออ้างอิงถึง Thanaka สามารถพบได้ในบทกวีที่ประพันธ์ขึ้นโดยพระเจ้า Razadarit ในช่วงศตวรรษที่ 14 ไม้จากต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์สามารถนำมาใช้ในการผลิต Thanaka โดยไม้ที่นำมาทำ Thanaka นั้นต้องเป็นไม้ยืนต้นและมีอายุอย่างน้อย 35 ปีเพื่อใช้ในการผลิต Thanaka ที่มีคุณภาพ

ใบพลู

ใบพลู Myanmar หรือ Kun Ya นั้นประกอบไปด้วยหมาก, ปูนขาวและสีเสียดห่อด้วยใบพลู แต่สูตรที่ห่อในใบพลูของแต่ละร้านนั้นจะแต่กต่างกันออกไปและบางร้านก็เติมยาสูบ, พริกและผลไม้กวนลงไป ซึ่งก็ให้รสชาติออกขมเล็กน้อยและจะได้รสชาติขณะเคี้ยวอย่างช้าๆ มีร้านจำหน่ายหมากพลูเล็กๆ มากมายตั้งอยู่ทั่วประเทศ ท่านต้องลิ้มลอง Kun Ya หรือใบพลูเมื่อท่านอยู่ใน Myanmar

ซิการ์

ซิการ์ Myanmar หรือบุหรี่ซิการ์หัวสี่เหลี่ยมมวนขึ้นโดยใช้ใบ carbia myx ที่แห้ง (Thanet Phat) หรือข้าวโพด ส่วนด้านในของใบไม้ที่ใช้มวนนั้นคือ ส่วนผสมของไม้แห้งและยาสูบ ผู้สูงอายุใน Myanmar จะมวนบุหรี่ซิการ์ด้วยตัวเองเพื่อให้ต้องกับรสนิยมของแต่ละบุคคล บุหรี่ซิการ์มีขนาดที่แตกต่างกันและขนาดซึ่งเล็กที่สุดยังมีขนาดใหญ่กว่าบุหรี่ทั่วไปเล็กน้อย มีโรงงานผลิตบุหรี่ซิการ์มากมายใน Myanmar โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานในเขตร้อนชื้น

ศิลปะและงานศิลปะที่ต้องทำด้วยมือซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี

PANCHI

Panchi มีความหมายว่าศิลปะของจิตรกรรมซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัตว์มีชีวิตและวัตถุซึ่งไม่มีชีวิตโดยใช้สีที่แตกต่างกัน ศิลปินจะวาดรูปมนุษย์, สัตว์, วัตถุ, ภาพวาด, การออกแบบฉาก, ภาพการ์ตูนและภาพการ์ตูนล้อเลียนฉากของมนุษย์ จิตรกรรมเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Bagan และมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนา หากท่านต้องการสำรวจงานจิตรกรรมเป็นการเฉพาะ ท่านควรไปเยือนเมือง Bagan สถานที่ซึ่งท่านจะได้พบกับภาพเขียนดั้งเดิมตั้งแต่สมัยโบราณและผลงานชิ้นเอกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 ประติมากรรมของงานจิตรกรรมฝาผนังในเมือง Bagan นั้นเป็นเครื่องหมายแสดงออกถึง Panchi ได้ดีที่สุด งานจิตรกรรมในสมัยราชวงศ์ Konbaung นั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา, ความงดงามและมีสีสัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานจิตรกรรมฝาผนังในเจดีย์ Mahamyatmuni ที่เมือง Mandalay ซึ่งเป็นงานประติมากรรมชของยุค Yadanarpon

PUNPU

Punpu คือ ศิลปะในการสร้างสรรค์งานประติมากรรม รูปร่างและลวดลายรูปดอกไม้จากไม้ ช่างฝีมือของ Myanmar นั้นเปี่ยมไปด้วยทักษะระดับสูงในด้านการแกะสลักวัสดุไม่ว่าจะเป็นกระดูก, หยก, หินและไม้เป็นการเฉพาะ ช่างฝีมือสามารถสร้างสรรค์รูปร่างของมนุษย์, สัตว์และลวดลายดอกไม้จากวัสดุใดๆ ขึ้นมาได้ พวกเขาเปี่ยมด้วยทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแกะสลักพระพุทธรูปหรือรูปแกะสลักจากไม้ หากคุณต้องการสำรวจศิลปะ Punpu แห่งยุค Yadanarpon ใน Myanmar ท่านต้องไปเยือนยังพระอาราม Shwe In Bin ในเมือง Mandalay และพระอาราม Bargayar ในเมือง Innwa รูปแกะสลักไม้จากยุค Bagan คือ ประตูของเจดีย์ Shwezigon ที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง Nyaung-U

PANYUN

 Panyun หมายถึง ศิลปะในการผลิตวัสดุขึ้นมาในไม้ไผ่, ไม้และสีดำทึบ (Thit-se) เครื่องเขิน หรือที่รู้จักกันว่า Yun ใน Myanmar หมายถึง กระบวนการที่ใช้ส่วนผสมอินทรีย์จากธรรมชาติเพื่อตกแต่งทุกสิ่งทุกอย่างอย่างตั้งแต่ตู้มีลิ้นชักไปจนถึงเหยือก สิ่งที่ทำให้ศิลปะนี้แตกต่างออกไปก็คือ เวลามากมายและทักษะที่จำเป็นเพื่อทำชิ้นงานหนึ่งชิ้นให้เสร็จสิ้น งานแต่ละชิ้นต้องแกะสลักขึ้นก่อนโดยใช้ไม้ไผ่หรือไม้ จากนั้นจะตามด้วยขั้นตอนการทาแบบลงรายละเอียดซึ่งบ่อยครั้งจะมีการพักไว้ในห้องใต้ดินเป็นเวลาถึงสิบวัน ในโครงร่างแบบลงรายละเอียดของขั้นตอนการผลิต, ซีกไม้ไผ่ที่ตัดอย่างประณีต, ส่วนผสมของยางสน Thit-see พร้อมดินเหนียวและเถ้าจะมีการทำขึ้นอย่างละเอียดและท้านที่สุดจึงทำการขัดด้วยเถ้าของไม้จากซากดึกดำบรรพ์ จากนั้นจะมีการแกะสลักการออกแบบหรือวาดด้วยมือ เครื่องเขิน Burma แบบดั้งเดิมส่วนใหญ่จะเป็นสีหม้อใหม่ที่มีเอกลักษณะพร้อมฉากจากนิยายชาดกเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตชาติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมือง Bagan คือ บ้านของงานศิลปะที่ต้องทำด้วยมือชนิดนี้ โดยทั่วๆ ไปช่างทำเครื่องเขินจะผลิตขันบาตร (บาตรสำหรับพระภิกษุสงฆ์) ชามใส่อาหาร, ถ้วยชา, ชามสำหรับใบชาดอง, ถ้วย, กล่องใส่หมากพลูแบบดั้งเดิม (จัดขึ้นเป็นการเฉพาะที่บ้านของชาว Myanmar เพื่อให้บริการแก่ผู้มาเยือน) กล่องใส่บุหรี่ซิการ์ ฯลฯ เฉกเช่นเดียวกับลักษณะทางศิลปะอื่นๆ ส่วนใหญ่ของอุตสาหกรรม PanYun ใน Myanmar เครื่องเขินก่อให้เกิดส่วนสำคัญของชีวิตทางสังคม

PANBE

 ส่วนหนึ่งของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกทางศิลปะ Panbe คือ ช่างตีเหล็กประเภทหนึ่งผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หลากหลายโดยใช้เหล็กเผาในเตาหลอม พวกเขาผลิตเพลาเหล็กที่ใช้กับเกวียนที่ลากด้วยวัว, ยาง, ค้อน, ขวาน, มีดหลากชนิด, ดาบ, จอบ, เสียมและกรรไกร อุตสาหกรรมโลหะของประเทศเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางของอาณาจักร Bagan และ Yadanarpon มุ่งหน้าสู่เขต Inlay เพื่อชมสถานที่ซึ่งน่าสนใจของ Panbe ขณะที่ช่างฝีมือทำงาน อย่าลืมที่จะซื้อหาของที่ระลึกสำหรับการมาเยือนของท่าน!

PANPOOT

 ศิลปะ Panpoot คือ ศิลปะในการผลิตเครื่องใช้ภายในบ้านที่ทำจากไม้โดยใช้เครื่องกลึง ผลิตภัณฑ์สุดท้ายรวมถึงด้ามร่ม, ขาโต๊ะ, ขาเตียง, ราวกันตก และขาสามส่วนสำหรับซุ้มและราวบันได งานศิลปะที่ต้องทำด้วยมือแบบดั้งเดิมนี้เริ่มขึ้นในช่วงของอาณาจักร Bagan ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8, อาณาจักร Ava และ Yatanarpon ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้ศิลปะแขนงนี้น่าสนใจมากและรวมไปถึงภาชนะบรรจุอาหาร, หีบ, ชาม, โต๊ะและเก้าอี้นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ผลิตภัณฑ์น่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ศิลปะ Panpoot นั้นแสดงถึงอิทธิพลหลักของวัฒนธรรมชาว Mon

PANYAN

 Panyan หมายถึงการสร้างอาคารโดยใช้ก้อนอิฐ, ก้อนหินและคอนกรีต ช่างก่ออิฐหรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า Panyan ทำหน้าที่ในการสร้างบ้าน, เจดีย์, สะพานและอีกมากมาย งานก่ออิฐแบบดั้งเดิมของ Myanmar เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับเจดีย์เก่าแก่และศาสนาสถานอื่นๆ รอบๆ พื้นที่ของเมือง Bagan การก่ออิฐแบบดั้งเดิมในยุคของอาณาจักร Bagan นั้นได้รับการพัฒนาสูงสุดเมื่อเทียบกับยุคประวัติศาสตร์อื่นๆ งานหัถศิลป์แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง, ความงดงาม, ปริมาณ, รายละเอียดและการตกแต่งอันน่าทึ่ง การก่ออิฐแบบดั้งเดิมของ Myanmar นั้นได้รับมาจากวัฒนธรรมของชาว Mon ในเขต Suvanna Bhumi เป็นที่ทราบกันดีว่าการก่ออิฐใน Myanmar นั้นเริ่มขึ้นครั้งแรกในยุคของอาณาจักร Pyu ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1

PANTAUT

 Pantaut มีความหมายว่างานศิลปะการออกแบบตกแต่งโดยทำลายนูนบนปูนแต่งด้วยมือ ช่างฝีมือจะทำการแกะสลักรูปสิงโต, มังกรและลวดลายดอกไม้ด้วยปูนแต่ง การแกะสลักปูนแต่งแบบดั้งเดิมของ Myanmar นั้นปรากฎขึ้นก่อนยุคอาณาจักร Bagan และได้รับการฝึกหัดอย่างแพร่หลายในยุคของอาณาจักร Bagan, Amarapura และอาณาจักร Yadanarpon ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ งานปูนแต่งมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือกันมากในยุคของอาณาจักร Bagan มีการตกแต่งซึ่งมีรายละเอียดมาก หลังจากยุคอาณาจัก Bagan การแกะสลักปูนแต่งในช่วงกลางของราชวงศ์ Konbaung หรือ Amarapura แสดงให้เห็นถึงความชำนาญในแบบฉบับ Myanmar แท้ๆ ใบไม้และต้นอ่อนที่โค้งงอแลดูงดงามยิ่ง ท่านสามารถสำรวจวัฒนธรรมนี้ได้ที่พระอาราม Menu ซึ่งสร้างด้วยอิฐที่เมือง Innwa ได้ ตัวอาคารที่ยิ่งใหญ่นั้นคือ งานศิลปะเพื่อรับการยกย่องสรรเสริญศิลปะ Pantaut ของเรา

PANTAMAUT

ศิลปะนี้มีความหมายว่าศิลปะในการแกะสลักหิน ช่างฝีมือผลิตงานแกะสลักที่เกี่ยวข้องกับศาสนามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระพุทธรูปและแผ่นหินสำหรับจารึก นอกจากนี้ยังแกะสลักเป็นรูปอื่นๆ อาทิ ช้าง, กวาง, สากหินแบบกลม, ครกและโต๊ะตามคำสั่งซื้อของลูกค้าอีกด้วย ประติมากรรมหินคือ คุณลักษณะที่มีความสำคัญของงานวิจิตศิลป์ของ Myanmar และถือเป็นเกียรติยศสำหรับคนในพื้นที่ มีโรงงานประติมากรรมในนคร Yangon, เมือง Mandalay และเมืองขนาดเล็กอื่นๆ โรงงานที่มีชื่อเสียงโดดเด่นมากที่สุดตั้งอยู่ใกล้กับเจดีย์ Mahamyatmuni ในเมือง Mandalay งานวิจิตรศิลป์ที่รังสรรค์ขึ้นจากหินสามารถพบได้จากแผ่นจารึกภาพที่พรรณนาถึงชีวิตขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าที่วัด Ananda ในเมือง Bagan พระพุทธรูปองค์มหึมาที่เจดีย์ Kyauktawgyi ณ เชิงเขา Mandalay เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของงานประติมากรรม Pantimaut อันยอดเยี่ยม

PANTAIN

Pantain คือ วิสาหกิจที่ทำสิ่งต่างๆ จากทองคำหรือเงิน ช่างเงินของประเทศขึ้นชื่อในเรื่องของการผลิตขันน้ำที่ใช้ดื่ม, ขันสำหรับภาชนะรองรับ, ถ้วยรางวัล, โล่และเข็มขัด ส่วนช่างทำทองนั้นเปี่ยมด้วยทักษะด้านการผลิตอัญมณีที่หลากหลาย ศิลปะและงานศิลปะที่ต้องทำด้วยมือแบบดั้งเดิมของ Myanmar เกี่ยวพันกับการรังสรรค์งานศิลปะเครื่องทองและเครื่องเงิน การสร้างสรรค์เครื่องเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของ Myanmar ในช่วง 1,200 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นสิ่งที่ประเทศต้องภาคภูมิใจอย่างแท้จริง อ้างอิงจากพงศาวดารวังแก้วในรัชสมัยของพระเจ้า Anawrahta พระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าและที่บรรจุพระไตรปิฎกทั้งสามถูกนำไปยังเมือง Bagan จากเมือง Suvana Bhumi เมืองหลวงของรัฐ Mon สิ่งที่ตามมาด้วยรวมถึงช่างศิลป์ชาว Mon และศิลปะและงานศิลปะที่ต้องทำด้วยมือของชาว Mon, เครื่องทองและเครื่องเงิน ฯลฯ

PANTE

นี่คือ ศิลปะในการผลิตวัสดุทองแดง, ทองสัมฤทธิ์หรือทองเหลือง ช่างศิลป์จะทำการแกะสลักผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจากวัสดุเหล่านี้ อาทิ ฆ้องทองเหลืองทรงสามเหลี่ยมแลขันบาตรทองเหลืองสำหรับพระภิกษุสงฆ์, หน่วยวัดน้ำหนักรูปเป็ด, ถาด, หม้อทองแดง, ถ้วย, ชาม, จาน, ฉิ่งฉาบ, ระฆังและฆ้องทองเหลืองขนาดเล็ก งานศิลปะที่ต้องทำด้วยมือของช่างทำเครื่องทองแดงแบบดั้งเดิมของ Myanmar นั้นอุบัติขึ้นก่อนยุคของอาณาจักร Bagan และได้รับการพัฒนาขึ้นในยุคของอาณาจักร Bagan และอาณาจักร Ava เจดีย์ทุกองค์ใน Myanmar มีการตีระฆังเพื่อบอกแก่ผู้คนถึงว่าให้ทำแต่ความดี ส่วนใหญ่จะเป็นระฆังทรงสามเหลี่ยมซึ่งจะหมุนวนเมื่อตีและดังขึ้นด้วยเสียงอันไพเราะที่เพิ่มขึ้นและลดลงแล้วจึงเงียบลงอย่างช้าๆ นอกจากนี้ยังมีฆ้องคล้องจากงาช้างแกะสลักหรืองวงช้างไม้ซึ่งได้รับการประเมินค่าสูงในฐานะที่เป็นฆ้องใช้ตีสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำ ขนาดและรูปทรงของระฆังที่แตกต่างกัน การออกแบบในสไตล์ Burma ทั้งหมดล้วนได้รับความนิยมใช้เป็นของที่ระลึก รวมถึงการหล่ออื่นๆ เช่นหน่วยวัดน้ำหนักและกระดึงผูกคอวัว

ศิลปะแห่งการทอผ้า

อุตสาหกรรมการทอผ้าไหมและผ้าฝ้าย

การทอผ้าไหมและผ้าฝ้ายนั้นคือ หนึ่งในอาชีพหลักของชาว Amarapura และชาว Bagan ฝ้ายส่วนใหญ่การปลูกกันในตอนกลางของ Myanmar ก่อนอื่นพวกเขาผลิตด้ายจากฝ้ายดิบโดยใช้เครื่องจักรซึ่งทำงานด้วยมือและปั่นลงบนหูกไม้ มีการใช้หูกมากกว่าหนึ่งร้อยหลังในการสร้างการออกแบบและลวดลายที่สวยงามและประณีตเนื่องจากเครื่องแต่งกายที่ผลิตจากผ้าไหมจะใช้สวมใส่กันในโอกาสพิเศษและในงานพิธีการ ถือเป็นอุตสาหกรรมในบ้านแบบชนบทที่มีชื่อเสียงและน่าสนใจ นี่คือ บางสิ่งที่ท่านไม่ควรพลาดอย่างยิ่งในการรับประสบการณ์

การทอผ้าใยบัวที่ทะเลสาบ INLE

หนึ่งในจุดเด่น ณ ทะเลสาบ Inle คือ อุตสาหกรรมการทอผ้าใยบัว การทอผ้าใยบัวนั้นถือเป็นอาชีพหลักสำหรับผู้คนมากมายที่อาศัยอยู่ใกล้กับทะเลสาบ Inle เมื่อหลายปีก่อน ผู้หญิงจากทะเลสาบ Inle เริ่มทอวัสดุสิ่งทอโดยใช้เส้นใยที่ได้จากดอกบัว มีหมู่บ้านมากมายที่ฝึกฝนศิลปะนี้ซึ่งหมู่บ้าน Phaw Kone และ Kyaing Khan มีชื่อเสียงมากที่สุด ท่านสามารถแวะเยือนหมู่บ้านเหล่านี้เพื่อทำความเข้าใจถึงวิธีการทำงานจนเสร็จสิ้นของศิลปะแขนงนี้

 

 ขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบนั้นน่าอัศจรรย์จริงๆ หญิงชราส่วนใหญ่จะตัดก้านดอกบัวออกเป็นชิ้นเล็กๆ และแยกเส้นใยออกด้วยมือโดยใช้มีด จากนั้นจะนำเส้นใยที่ได้มาล้างทำความสะอาดและปั่นเข้าด้วยกันออกมาเป็นเส้นด้าย ซึ่งท้ายที่สุดก็เพื่อผลิตออกมาเป็นด้ายเส้นยาวละเอียดใช้ทอใยบัว ขั้นตอนข้างต้นนั้นจะดำเนินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนงานต้องมีความอดทนเป็นอย่างมากเพราะทุกกระบวนการมีความสำคัญเท่าเทียมกัน อุตสาหกรรมนี้มีการใช้แรงงานอย่างคร่ำเคร่งและด้วยเหตุนี้เองผลิตภัณฑ์ผ้าทอใยบัวจึงเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ซึ่งเหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญ

เครื่องดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิม

OO ZI

 กลอง Pot-Drum (Oo zi) เป็นกลองหน้าเดียวบนตัวกลองกลมกลวงยาวซึ่งบานออกด้านล่าง กลองหน้าเดียวนั้นขึงด้วยหนังอย่างแน่นหนาอยู่เหนือขอบกลม ตัวกลองจะมีการปรับแต่งเสียงโดยการติดชิ้นส่วนแป้งที่ทำจากข้าวและขี้เถ้าที่กลองเพื่อปรับแต่งเสียง กลองชนิดนี้เป็นเครื่องดนตรีหลักสำหรับการเต้นรำกลอง Pot-Drum ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและใช้เล่นกับการเต้นรำกลุ่มด้วยเช่นกัน แม้ว่ากลองชนิดนี้จะเป็นแบบหนึ่งหน้าแต่ก็สามารถใช้เล่นเพื่อได้กลุ่มเสียงที่สมบูรณ์

DOBAT

 กลองสองหน้า (Dobat) คือ เครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในพื้นที่ชนบทของประเทศ กลอง Dobat นั้นสามารถเล่นได้ทั้งสองหน้า ด้านซ้ายมือของกลองเรียกว่าหน้าสำหรับผู้หญิงและฝั่งตรงข้ามคือ หน้าสำหรับผู้ชาย เสียงจากหน้าสำหรับฝ่ายหญิงนั้นจะมีการปรับให้เป็นเสียงพื้นฐาน (Taya) ขณะที่เสียงจากหน้าสำหรับผู้ชายจะถูกปรับให้มีเสียงที่โดดเด่น (Tayo) หน้าสำหรับผู้หญิงต้องใช้การปรับแต่งเสียงด้วยการทาแป้ง มีการเล่นกลอง Dobat กันอย่างกระฉับกระเฉงและสนุกสนาน ผู้เล่นจะใช้มือทั้งสองข้างตีกลองโดยที่มือซ้ายจะตีที่หน้าสำหรับผู้หญิง ส่วนมือขวาจะตีที่หน้าสำหรับผู้ชาย มีการใช้นิ้วมือ, ฝ่ามือหรือสันของฝ่ามือ และบางครั้งก็มีการใช้ข้อศอกตี เกษตรกรชาว Myanmar ส่วนใหญ่จะตีกลองชนิดนี้เพื่อต้อนรับฤดูกาลเก็บเกี่ยวหรือตีกลองเพื่อขอให้ฝนตก นอกจากนี้ยังสามารถพบกลองชนิดนี้ได้ในเทศกาลฉลองพระเจดีย์, งานการกุศลและงานบริจาคให้ความช่วยเหลือด้านแรงงานเมื่อคนในหมู่บ้านออกมาช่วยกันสร้างถนนหรือเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร

PATMA

กลองหลักหรือ Patma เป็นส่วนหนึ่งของ Saing Wine (วงมโหรี Myanmar) กลองชนิดนี้เคยถูกแขวนไว้บนขื่อตามแนวนอนโดยวางลงบนขาตั้งสามขามาก่อน แต่ในปัจจุบันมีการวางกลองชนิดนี้ไว้บนไม้ไผ่ท่อนยาวที่มีข้อต่อเป็นช่วงสั้นๆ ขื่อที่ใช้แขวนกลองนั้นแสดงถึงองค์ประกอบทั้งห้าของ Pyinsa-rupa สัตว์ในตำนานที่มีหัวเป็นงู, เขาของกวาง, กวาง, กีบเท้าของม้า, ปีกของสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายนก (Galon) และหางของปลาตะเพียน (Ngajin) เมื่อมีการเล่นกลอง Patma พร้อมกับฉิ่งขนาดใหญ่ เสียงที่ออกมานั้นดีที่สุด นักดนตรีผู้ที่ตีกลอง Patma ในวงมโหรียังต้องรับผิดชอบในการตีกลองเล็กที่ตั้งขึ้นซึ่งแบ่งตามลำดับอีกหกลูกและกลอง Sakhun ที่วางในแนวนอนขนาดกลางอีกหนึ่งลูก

SIDAW

 กลองสำหรับราชวงศ์หรือ Sidaw มีการใช้ในโอกาสพระราชพิธี, การประชุมที่เป็นมงคลและเพื่อใช้เป็นสัญญาณบอกเหตุซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่บ้าน ตามประวัติศาสตร์นั้นกลอง Sidaw จะใช้เล่นเป็นส่วนหนึ่งของงานพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวังและในระหว่างพิธีและโอกาสสำคัญอื่นๆ มีการตีกลอง Sidaw ระหว่างพระกษัตริย์และพระราชินีเสด็จพระราชดำเนินและเสด็จกลับจากพระที่นั่ง หรือเมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จทอดพระเนตรการแสดงละครสำคัญหรือการแสดงหุ่นเชิด นอกจากนี้กลอง Sidaw ยังใช้เล่นในพระราชพิธีจรดพระนังคัล, การเสด็จประพาสเมืองรวมถึงช่วงก่อนและหลังพิธีประชุมรัฐสภา พิธีมอบของกำนัลก็มีการใช้กลอง Sidaw เช่นเดียวกับที่มีใการใช้ก่อนการเริ่มต้นขึ้นของเทศกาลสงกรานต์ Thinhyan

PAT WAIN

ศูนย์กลางของวงมโหรี Myanmar แต่ละวงโดยให้ชื่อตามแนวคิดของเครื่องดนตรีที่แขวนอยู่ในวง “Hainain Wain” คือ กลองวง Pat Wein เครื่องดนตรีชนิดนี้ประกอบด้วยกลองที่ได้รับการแต่งเสียง 19 ลูก (แบบดั้งเดิม) หรือ 21 ลูก (หลังปี 1920) โดยมีความสูงตั้งแต่ 13 ถึง 41 ซม. และแขวนอยู่บนรางไม้ทรงกลมหรือตั้งอยู่ตรงกลางของผู้เล่น หนึ่งในลักษณะที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดของดนตรีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คือ แนวคิดของการใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีอันไพเราะ อาทิ กลองวง, วงฆ้องและระนาด เป็นต้น กลอง Pat Wain สามารถปรับเสียงได้โดยการเติม “Pa Sa” แป้งเปียกที่ทำจากข้าวและขี้เถ้า ยิ่งมีการเติม Pa Sa มากเท่าไหร่ เสียงกลองก็จะยิ่งทุ้มต่ำลงเท่านั้น ผู้ที่ตีกลอง Pat Wain เป็นที่รู้จักในชื่อ “Hsain Hsaya” ซึ่งมีหมายความว่าเขาคือ “เจ้าแห่ง Hsain” และจึงได้เป็นผู้นำหลักและวาทยากรของวงมโหรีทั้งหมด

KYEY SE

ฆ้อง Kyey se (“kyeezee”) บางครั้งยังเรียกกันว่า “ระฆัง Burma” เป็นฆ้องทองเหลืองสามเหลี่ยมรูปทรงตันและแบนซึ่งปรากฏอยู่ใน การแสดงในวงปี่พาทย์มากมายโดยมีรูปทรงและขนาดที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในวัดซึ่งมีการใช้ ในงานพิธีต่างๆ หรือแม้แต่กับพระภิกษุสงฆ์ขณะออกบิณฑบาตไปตามท้องถนนใน ยามรุ่งอรุณ จะมีการใช้ตะลุมพุกไม้ตีฆ้องทางด้านซ้ายหรือด้านขวาของ บริเวณสามเหลี่ยมเพื่อให้ฆ้องเริ่มหมุนด้วยความเร็วในการเล่นที่สูงจึงทำให้เกิด เสียงที่ก้องกังวาน ระดับเสียง จะเปลี่ยนแปลงโดยขึ้นอยู่กับขนาดของฆ้องและมุมที่ตี ฆ้องชนิดนี้ขึ้นชื่อในด้านการให้คุณภาพของเสียงที่ยาว

SAUNG

“พิณ” เรียกกันว่า “Saung” ใน Myanmar โดยพื้นฐานแล้วพิณมีอยู่สองชนิด – Byat Saung และ Saung Gauk (พิณโค้ง) Saung เป็นพิณโค้งตามแนวนอนขณะที่ตัวพิณทำให้เสียงก้องอยู่ตามแนวนอนมากกว่าพิณตะวันตกซึ่งมีตัวทำให้เสียงก้องในแนวตั้ง ส่วนการเล่นพิณนั้นต้องนั่งบนพื้นโดยวางตัวพิณไว้บนหน้าตักและหันคอพิณไปทางด้านซ้ายมือ โดยจะใช้มือขวาในการดีดพิณจากด้านนอก ส่วนมือซ้ายจะใช้ยึดประคองพิณไว้เพื่อช่วยให้เสียงนั้นใสและสร้างเครื่องหมายดนตรีเป็นห้วงๆ ส่วนหลักของพิณคือ ฐาน, คอโค้งงอยาว, แกะสลักจากรากของต้นไม้และมีแถบสายขึงจากกึ่งกลางของส่วนบนของตัวพิณ ส่วนบนสุดของตัวทำให้เกิดเสียงนั้นขึงด้วยหนังกวางจนแน่น เคลือบด้วยสีแดงจนหนาพร้อมกับรูเสียงทรงกลมขนาดเล็กสี่รู บริเวณส่วนคอนั้นจบลงด้วยเครื่องหมายแสดงออกที่ได้รับการตกแต่งด้วยใบโพธิ์อย่างสวยงาม ตัวพิณและขาตั้งตกแต่งด้วยไมกา (“ไข่มุก Mandalay”), แก้ว, แผ่นทองและเคลือบเงาด้วยสีแดงและดำ สายของ Saung นั้นทำจากผ้าไหมหรือเส้นใยไนลอน

OBOE

The Hne คือ ปี่ Oboe ประเภทปี่ที่หลากอันที่มีรูปร่างโค้งงอที่น่าทึ่ง มีรูที่ใช้เล่นซึ่งมีระยะห่างเกือบจะเท่ากันเจ็ดรูซึ่งเป็นพื้นฐานในการพัฒนาระดับเสียงหลักของ Myanmar ทั้งในบทเพลงที่เขียนขึ้นสำหรับวงที่มีเครื่องดนตรีน้อยชิ้นและวงดนตรีมโหรี โดยทั่วไปแล้ว Hne มีอยู่สองขนาด “Ci” (ใหญ่) และ “Kalei” (เล็ก) ซึ่งใช้กับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ปี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าจะใช้กับทำนองที่ช่วงช้าและส่วนปี่ที่มีขนาดเล็กจะใช้ในโอกาสเฉลิมฉลอง บางครั้งขลุ่ยไม้ไผ่ “Palwei” จะบรรเลงพร้อมกับ “Hne” ในช่วงเทศกาลเพราะเครื่องเป่าทั้งสองประเภทมีรูเล่นที่ตั้งไว้เท่ากันส่งเสียงก้องกังวานในระดับเสียงเดียวกัน

FLUTE

ขลุ่ย (Hne) เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าแบบดั้งเดิมใน Myanmar มีการใช้ขลุ่ยใน Myanmar มาตั้งแต่ยุคโบราณและสร้างขึ้นโดยใช้แตรรูปเขาทำจากโลหะ รวมถึงขลุ่ยที่ทำจากไม้และไม้ต้นปาล์ม ขลุ่ย Oboe คือ เครื่องเป่าลมไม้คู่ซึ่งให้ระดับเสียงที่สูงและเสียงแหลม ขลุ่ย Oboe ของ Myanmar นั้นมีอยู่สองชนิดด้วยกัน กล่าวคือ Oboe ใหญ่และ Oboe เล็ก ขลุ่ย Oboe ใหญ่ให้โทนเสียงทุ้มมากกว่าขนาดเล็ก มีการใช้ขลุ่ย Oboe ขนาดใหญ่ใน Myanmar มาเป็นเวลาเนิ่นนานและมีการกล่าวกันว่ามีการใช้กันแต่ต้นตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 211 ขลุ่ยชนิดนี้ใช้ในการเพื่อเล่นท่วงทำนอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดนตรี Byawsi, Yegin, Nayi, Thapyay และ Yadu ขลุ่ย Oboe ขนาดเล็กมีการใช้กันทั่วไปตั้งแต่ปี 1290 และ 1300 ในยุคของ Myanmar จวบจนปัจจุบัน

PATAL – XYLOPHONE

ชื่อ Patala หมายถึงเครื่องดนตรีที่ท่านสามารถเล่นได้ทุกชั้นเสียง – จากค่อยๆ เพิ่มความดังขึ้นไปจนถึงจุดต่ำสุดของเสียง โดยทั่วไปนั้นเครื่องดนตรี Patala มักจะเป็น War Patala หรือระนาดไม้และ Pattalar ซึ่งเป็นระนาดไม้ไผ่ของ Myanmar ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ เครื่องดนตรีโบราณ เครื่องดนตรีรุ่นเก่าแก่เหล่านี้มีกล่องเสียงอยู่บริเวณข้างใต้พร้อมระดับเสียงของโน้ตทั้งเจ็ดซึ่งแบ่งตามระดับเสียง ผู้เล่นจะใช้ไม้นวมจำนวนสองอันในการเล่นระนาด ระนาด Patala ไม้ไผ่ประกอบด้วยลูกระนาดไม้ไผ่จำนวน 24 ลูกวางอยู่บนกล่องสะท้อนเสียงโดยเริ่มจากระดับเสียงต่ำสุดทางด้านซ้ายของผู้เล่นและระดับเสียงสูงสุดทางด้านขวามือของผู้เล่น ตะลุมพุกไม้จำนวนสองอันจะใช้ในการตีลูกระนาด ซึ่งจริงๆ แล้วได้มีการปรับให้มีระดับเสียงคู่แปดในระดับเสียงคู่และสามช่วงความแตกต่างระหว่างโน้ตตัวแรกกับตัวที่แปดในโน้ตคู่แปด

การเต้นรำแบบดั้งเดิมและการเต้นรำพื้นบ้านของ MYANMAR

การเต้นรำเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมโดยเนื้อแท้ของ Myanmar มาโดยตลอด การเคลื่อนไหวของร่างกายมนุษย์และการฝึกฝนรูปแบบการเต้นรำและท่าทางมักแสดงคุณลักษณะเฉพาะของความสามารถพิเศษด้านการเต้นรำในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวเมืองหลวงอย่างเป็นทางการไปจนถึงการเริ่มสมรภูมิ งานพระราชพิธีของราชวงศ์ทั้งหมดเริ่มขึ้นและจบลงด้วยการเต้นรำ ทุกวันนี้การเต้นรำยังคงเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นที่งานแต่งงาน, งานเทศกาลเจดีย์หรือพิธี Shinbyu (พิธีเริ่มบรรพชาพระภิกษุสามเณร) การเต้นรำถือว่ามีบทบาทสำคัญในการเฉลิมฉลองในแต่ละโอกาส การแสดง Pwe หรือการแสดงละครตามเสียงเพลงมักเพิ่มสีสันให้กับเทศกาลเจดีย์ตามพื้นที่ต่างๆ

การเต้นรำแบบดั้งเดิม

การเต้นรำแบบดั้งเดิมใน Myanmar นั้นมีความนุ่มนวล, สง่างาม, ประณีต, ละเอียดละออและประกอบด้วยดอกไม้ สิ่งที่ทำให้การเต้นรำแบบดั้งเดิมมีความโดดเด่นยิ่งกว่าก็คือ ทุกการเคลื่อนไหวในการเต้นรำนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากดอกไม้ เชื่อกันว่าดอกไม้มีความคล้ายคลึงกับนักเต้น ดอกไม้ที่เบ่งบานเปรียบได้กับศีรษะ ใบเปรียบเสมือนมือและลำต้นก็คือ ร่างกาย ท่ามกลางสายลมที่พัดเบาๆ อันอ่อนโยน ดอกไม้จะเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและเต้นคลอไปกับธรรมชาติ ความบริสุทธิ์ของการเคลื่อนไหวนี้มักก่อตัวขึ้นเป็นรากฐานของการเต้นรำแบบดั้งเดิมใน Myanmar

การเต้นรำพื้นบ้าน

ตามฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงและดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ การเต้นรำพื้นบ้านใน Myanmar เป็นส่วนประกอบสำคัญของชุมชนเกษตรกรรมอย่างต่อเนื่องยาวนาน ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้การเต้นรำพื้นบ้านส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตประจำวันผ่านบทเพลงและบทกวีที่บรรยายความรู้สึกส่วนตัวซึ่งลื่นไหลไปกับการเคลื่อนไหวของผู้ที่เต้นรำ การเต้นรำพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมคือ U Shwe Yoe บทตลกคลายเครียดที่พรรณนาถึงผู้เต้นรำซึ่งแต่งกายเป็นสุภาพบุรุษชาว Myanmar ทั่วไปพร้อมหนวดยาวที่ตบแต่งอย่างเรียบร้อยในมือถือร่มกันแดดจากเมือง Pathein มีผ้าพันคอพันอยู่รอบบริเวณลำคอ รวมถึงมีผ้าโพกศีรษะหรือหมวกลายจุด และพันโสร่งลายสี่เหลี่ยมจตุรัสรอบเอว ในขณะเต้นรำ ผู้เต้นจะทำหน้าล้อเลียนขณะที่เขาแสดงสีหน้าและท่าทางเป็นผู้หญิงแสดงละครว่าเขากำลังค้นหาหญิงสาวที่มีเสน่ห์ดึงดูด มักเป็นบทที่ได้รับความนิยมเสมอๆ การแสดงตลกของนักเต้นนั้นควรอยู่ในรายการท่องเที่ยวในทุกกำหนดการอย่างใจจดใจจ่อ

CHINLONE

Chinlone ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ลูกบอลที่ทำจากหวาย เป็นกีฬาประจำชาติดั้งเดิมของ Myanmar และเป็นการผสมผสานกันระหว่างกีฬาและการเต้นรำ ถือเป็นเกมที่ไม่มีการแข่งขันกันแต่อย่างใด ซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบไปด้วยผู้เล่นหกคนเล่นกันเป็นทีมโดยไม่มีทีมคู่แข่ง แม้ว่าจะไม่มีการแข่งขัน แต่ก็ถือเป็นกีฬาที่มีได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงซึ่งจำเป็นต้องใช้ทักษะและการทำงานเป็นทีม ลูกบอลที่ใช้ในการเล่นโดยมากแล้วมักทำจากหวายทอด้วยมือ (เรียกกันว่า Chinlone) ผู้เล่นแต่ละคนจะส่งลูกไปมาระหว่างกันภายในวงกลมโดยห้ามไม่ให้มีการใช้มือ จะมีผู้เล่นคนหนึ่งในหกคนเข้าไปเล่นกลางวงขณะที่ผู้เล่นคนอื่นๆ พยายามช่วยเหลือเขาหรือเธอด้วยการส่งลูกบอลที่เขาส่งมากลับไปให้ผู้เล่นคนนั้นในครั้งเดียว จุดสำคัญของเกมก็คือ การทำให้ลูกลอยอยู่บนอากาศโดยไม่ปล่อยให้ลูกตกพื้นให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่เล่นจะมีวงปี่พาทย์หรือวงมโหรีดั้งเดิมบรรเลงเพลงประกอบที่สร้างแรงบันดาลใจและบรรดาผู้ชมจะส่งเสียงเชียร์ผู้เล่นให้เล่นอย่างสุดฝีมือ เทศกาล Waso Chinlone ประจำปีจัดขึ้นที่สนามกีฬาเล็กๆ นอกเจดีย์ Maha Myat Muni ที่มีชื่อเสียงในเมือง Mandalay เทศกาลนี้จัดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนราวช่วงพระจันทร์เต็มดวงของเทศกาล Waso

TRADITIONAL TATTOO

ผู้หญิงที่มีลายสักเป็นหนึ่งในการดึงดูดความสนใจหลักของประเทศ Myanmar แต่ละกลุ่มชาติพันธุ์จะมีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์ของตนเองซึ่งจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ออกจากกัน ไม่มีใครทราบเป็นที่แน่ชัดว่าถึงที่มาที่ไปของธรรมเนียมปฏิบัตินี้ แต่ทฤษฎีหนึ่งกล่าวไว้ว่ารอยสักเริ่มขึ้นมานานหลายปีเพื่อเป็นการระบุตัวตนเมื่อผู้หญิงในเผ่าถูกจับตัวหรือลักพาตัวไปโดยเผ่าชนใกล้เคียง อีกหนึ่งตำนานกล่าวไว้ว่ารอยสักคือ วิธีหนึ่งซึ่งทำขึ้นโดยเจตนาเพื่อให้ผู้หญิงเสียโฉมให้เสียโฉมเพื่อที่จะไม่ต้องถูกนำไปถวายตัวแก่กษัตริย์ Burma ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเริ่มมีรอยสักเมื่ออายุได้ราว 12 ปี ขั้นตอนทั้งหมดอาจใช้เวลานานถึง 3 วัน โดยทั่วไปแล้วเข็มที่ใช้สักมักทำมาจากไม้ไผ่หรือจากหนาม ส่วนตัวหมึกเป็นส่วนผสมของน้ำดีจากวัว, เขม่า, พืชและน้ำมันหมู ผู้หญิงในรัฐ Chin มีชื่อเสียงในเรื่องใบหน้าที่มีรอยสัก แม้ว่าประเพณีการสักใบหน้าที่สืบทอดกันมากำลังเลือนหายไป แต่การสักนี้ก็ยังคงโดดเด่นในตอนใต้ของรัฐ Chin โดยเฉพาะในเมือง Mindat และเมือง Kanpetlet

หุ่นเชิดของ MYANMAR หุ่นกระบอก

หุ่นกระบอก

สิ่งประดิษฐ์ดั้งเดิมของ Myanmar และเป็นสิ่งที่คนในท้องถิ่นภาคภูมิใจกับหุ่นเชิด – หุ่นกระบอก Myanmar ใช้เวลาสักเล็กน้อยและท่านอาจพบหุ่นกระบอกที่มีคนทิ้งไว้หลังจากการแสดงเสร็จสิ้น หุ่นเชิดแสดงถึงตัวละครและมักจะมีเรื่องราวบอกเล่าของตัวเอง งานหัตถกรรมที่ออกแบบสวยงาม หุ่นกระบอกเหล่านี้ถือเป็นของที่ระลึกสุดวิเศษจากการผจญภัยของท่านใน Myanmar หุ่นเชิดหรือหุ่นกระบอกรวมตัวเป็น ‘Yoke-the Pew’ หรือโรงละครหุ่นกระบอกที่สร้างความเพลิดเพลินให้แก่กษัตริย์และราชวงศ์ในช่วงศตวรรษที่ 18

การเต้นหุ่นกระบอก

คณะละครหุ่นเชิดมาตรฐานมีหุ่นเชิดทั้งหมด 28 ตัวประกอบด้วยสัตว์, กษัตริย์และราชินี, ข้าราชบริพาร, เจ้าชายและตัวตลก โดยทั่วไปแล้วเค้าโครงเรื่องมักจะนำมาจากนิทานชาดก 550 ชาติหรือจากเรื่องรามเกียรติ์โดยการใช้หุ่นเชิดเหล่านี้ดำเนินเรื่อง นอกจากนี้ผู้เชิดหุ่นยังมีเพลงประกอบและบทบรรยายที่เสริมเข้ามาเพื่อให้การแสดงนั้นมีความสมบูรณ์ ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของศิลปะที่หาชมได้ยากยิ่ง โรงละครหุ่นเชิดขนาดเล็กยังปรากฎให้เห็นอยู่ทั่วประเทศและถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับที่ท่านไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง